หลักการ แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี และสารสนเทศ
1. หลักการและทฤษฏีทางจิตวิทยาการศึกษา
ทฤษฏีการเรียนรู้
เป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีการศึกษา แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1 . กลุ่มพฤติกรรม
2 . กลุ่มความรู้
ทฤษฏีจากกลุ่มพฤติกรรมนิยม ซึ่งทฤษฏีของนักจิตวิทยากลุ่มนี้มีหลายทฤษฏี เช่น ทฤษฏีการวางเงื่อนไข ทฤษฏีความสัมพันธ์ต่อเนื่อง ทฤษฏีการเสริมแรง
ทฤษฏีความสัมพันธ์ต่อเนื่อง เจ้าของทฤษฏีนี้คือ ทอนไดค์ กล่าวว่า
สิ่งเร้าสามารถทำให้เกิดการตอบสนองหลายๆอย่าง และเขาได้ค้นพบกฎการเรียนรู้ที่สำคัญ
คือ
- กฎแห่งการผล
- กฎแห่งการฝึกหัด
- กฎแห่งความพร้อม
การนำทฤษฏีการเรียนรู้ของกลุ่มพฤติกรรม
มาใช้กับเทคโนโลยีการศึกษานี้จะใช้ในการออกแบบการเรียนการสอนให้เข้ากับลักษณะดังต่อไปนี้
1. การเรียนรู้เป็นเป็นขั้นเป็นตอน
2. การมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของผู้เรียน
3. การได้ทราบผลในการเรียนรู้ทันที
4. การได้รับการเสริมแรง
แนวคิดของสกินเนอร์นั้น
นำมาใช้ในการสอนแบบสำเร็จรูป หรือการสอนแบบโปรแกรม สกินเนอร์เป็นผู้คิดบทเรียนโปรแกรมเป็นคนแรก
คาร์เพนเตอร์และเดล ได้ประมวลหลักการและทฤษฏีเทคโนโลยีทางการสึกษาในลักษณะของการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ 10 ประการ คือ
1. หลักการจูงใจ
2. การพัฒนามโนทัศน์
3. กระบวนการเลือกและการสอนด้วยสื่อเทคโนโลยี
4. การจัดระเบียบประสบการณ์เทคโนโลยีทางการศึกษา
5. การมีส่วนรวมและการปฏิบัติ
6. การฝึกซ้ำและการเปลี่ยนแปลงสิ่งเร้าบ่อยๆ
7. อัตราการเสนอสื่อในการเรียนการสอน
8. ความชัดเจน ความสอดคล้อง
และความเป็นผล
9. การถ่ายโยงที่ดี
10. การให้รู้ผล
นอกจากนี้ หลักการและทฤษฏีที่เกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาต้องอาศัยวิธีการที่สำคัญอย่างน้อยอีก 2 วิธี คือ วิธีการเชิงมานุษยวิทยาและวิธีการสอนเชิงระบบ
ทฤษฏีการรับรู้ เมื่อมีสิ่งเร้าเป็นตัวกำหนดให้เกิดการเรียนรู้ได้นั้นจะต้องมีการรับรู้
เกิดขึ้น ก่อน เพราะการรับรู้เป็นหนทางที่นำไปสู่การแปลความหมายที่เข้าใจกันได้
ซึ่งหมายถึงการรับรู้เป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ ถ้าไม่มีการรับรู้เกิดขึ้น
การเรียนรู้ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้
แนวคิดของ ฉลองชัย
สุรวัฒนบูรณ์ และ วไลพร
ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม กล่าวว่า
การที่จะเกิดการเรียนรู้ได้นั้นจะต้องอาศัยการรับรู้ที่เกิดจากการเปลี่ยน
แปลงพฤติกรรมอันเป็นผลมาจากการได้รับประสบการณ์
การรับรู้มีขบวนการที่ทำให้เกิดการรับรู้
โดยการนำความรู้เข้าสู่สมองด้วยอวัยวะสัมผัส
และเก็บรวบรวมจดจำไว้สำหรับเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดมโนภาพและ ทัศนคติ
ดังนั้นการมีสิ่งเร้าที่ดีและมีองค์ประกอบของการรับรู้ที่สมบูรณ์ถูกต้อง
ก็จะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีด้วยซึ่งการรับรู้เป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อการรับ รู้
แนวคิดของ Fleming ให้ข้อเสนอแนะว่ากระบวนการรับรู้ยังสามารถใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนด้วย
มีเหตุผลหลายประการที่นักออกแบบเพื่อการเรียนการสอนจำต้อง
รู้และนำหลักการของการรับรู้ไปประยุกต์ใช้กล่าวคือ
1.โดย ทั่วไปแล้วสิ่งต่าง ๆ เช่น วัตถุ
บุคคล เหตุการณ์ หรือสิ่งที่มีความสัมพันธ์กัน ถูกรับรู้ดีกว่า
มันก็ย่อมถูกจดจำได้ดีกว่าเช่นกัน
2.ใน
การเรียนการสอนจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการรับรู้ที่ผิดพลาด
เพราะถ้าผู้เรียนรู้ข้อความหรือเนื้อหาผิดพลาด
เขาก็จะเข้าใจผิดหรืออาจเรียนรู้บางสิ่งที่ผิดพลาดหรือไม่ตรงกับความเป็น จริง
3.เมื่อ
มีความต้องการสื่อในการเรียนการสอนเพื่อใช้แทนความเป็นจริงเป็นเรื่องสำคัญ
ที่จะต้องรู้ว่าทำอย่างไร
จึงจะนำเสนอความเป็นจริงนั้นได้อย่างเพียงพอที่จะให้เกิดการรับรู้ตามความ มุ่งหมายจิตวิทยาการเรียนรู้
ธรรมชาติของการเรียนรู้มี 4 ขั้นตอน
1. ความต้องการของผู้เรียน
2. สิ่งเร้าที่น่าสนใจ
3. การตอบสนอง
4. การได้รับรางวัล
ลำดับขั้นตอนการเรียนรู้
ในกระบวนการเรียนรู้ของคนเรานั้น จะประกอบด้วยลำดับขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญ 3 ขั้นตอนด้วยกัน คือ ประสบการณ์ ความเข้าใจและความนึกคิด
กลุ่มความรู้
นักจิตวิทยากลุ่มนี้เน้นความสำคัญของส่วนรวม ดังนั้นแนวคิดของการสอนซึ่งมุ่งให้ผู้เรียนมองเห็นส่วนรวมก่อน โดยเน้นจากประสบการณ์
การนำแนวคิดของนักจิตวิทยากลุ่มความรู้มาใช้คือ การจัดการเรียนรู้ต้องให้ผู้เรียนได้รับจากประสาทสัมผัส เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้
จึงเป็นแนวคิดในการเกิดการเรียนการสอนผ่านสื่อที่เรียกว่า โสตทัศนศึกษา
การประยุกต์ทฤษฏีมาใช้ในนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา
การจัดการเรียนการสอนปัจจุบันได้นำทฤษฏีและหลักการแนวคิดทางเทคโนโลยีการศึกษา
ในทักษะต่างๆมาใช้ร่วมกันอย่างผสมผสานเพื่อก่อให้เกิดคุณภาพของการสอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น